วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

อาบ นวด

สถานที่อาบอบนวดส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็นสามส่วน  ส่วนแรกเปรียบเสมือนห้องรับแขกตกแต่งสวยงาม
ส่วนประกอบที่สำคัญคือตู้กระจก (แต่ทุกวันนี้หลายที่นำส่วนที่เป็นกระจกออกไปแล้ว)
ตู้นี้ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเป็นกระจกด้านเดียวหมอนวดมองไม่เห็นแขกซึ่งไม่เป็นความจริง ในตู้นี้จะมี 'หมอนวด'
แต่งตัวสวยงามนั่งรอให้แขกเลือก ส่วนใหญ่จะเป็นชุดวับ ๆ แวม ๆ
บางแห่งที่มีระดับหน่อย หมอนวดจะแต่งตัวมิดชิด
เครื่องแต่งตัวของหมอนวดก็แล้วแต่สถานที่ บางแห่งมีการเปลี่ยนไปตามเทศกาล
เช่นช่วงหน้าร้อนจะกำหนดให้ หมอนวดทุกคนใส่ชุดว่ายน้ำ
หรือบางแห่งกำหนดให้หมอนวดใช่เฉพาะชุดชั้นในก็มี

ในตู้จะมีโทรทัศน์ไว้ให้หมอนวดดูแก้เซ็งขณะรอแขก การตั้งโทรทัศน์ไว้ในตู้นั้นมีอีกเหตุผลหนึ่งคือให้แขกได้เห็นอริยาบทต่าง ๆของหมอนวด
จะสังเกตุได้ว่าหมอนวดที่ดูโทรทัศน์อยู่ในตู้จะหัวเราะได้ง่ายกว่าปกติโดยเฉพาะ เมื่อมีแขกยืนอยู่หน้าตู้

บริเวณหน้าตู้จะมีพนักงาน (มีทั้งหญิงและชาย)ทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า 'คนเชียร์แขก'
เราสามารถสอบถามรายละเอียดเช่น ประเภทของบริการ และ ราคา เป็นต้น นอกจากนี้ หากไม่แน่ใจในสายตาตัวเอง อาจถามเพิ่มเติมจากคนเชียร์ได้เช่นกัน
แต่ต้องเข้าใจว่าส่วนใหญ่แล้วคนเชียร์จะมีหมอนวดในสังกัดของตนเองและมักจะเชียร์เด็กในสังกัดนั้นเป็นพิเศษ
ทางทีดีให้เชื่อมั่นในตัวเองจะดีที่สุด หมอนวดที่นั่งในตู้จะมีเบอร์
บางแห่งในตู้จะมีหมอนวดหลายประเภท เช่น ประเภทธรรมดา ประเภทดารา หรือประเภทบีคอส เป็นต้น
เมื่อเลือกหมอนวดที่ถูกใจได้แล้วก็แจ้งเบอร์ต่อคนเชียร์แขก
คนเชียร์แขกจะเป็นคนเรียกหมอนวดที่เราเลือกส่วนใหญ่จะใช้เครื่องขยายเสียงและจะเรียกเหมือนกันหมด
เช่น 'เบอร์ 88 ทำงาน' มีบางแห่งที่พัฒนาไปมาก
การเรียกหมอนวดให้ทำงานจะใช้สัญญาลักษณ์มือโดยไม่จำเป็นต้องออกเสียงเลย หลังจากนั้นคนเชียร์ก็จะพาแขกไปรับห้องซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเค้าเตอร์มีเจ้าหน้าที่คอยออกเวลาและเบอร์ห้องจะเลือกจ่ายก่อน หรือ จ่ายทีหลังก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะจ่ายทีหลัง
หมอนวดที่เลือกจะออกมาพบแขกบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะกำหนดเป็นระเบียบให้หมอนวดไหว้แขกอข่างสุภาพเมื่อพบกันทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นขาประจำหรือไม่ก็ตาม เพราะถือว่าแขกคือผู้มีพระคุณ
เมื่อหมอนวดรับใบเวลาและเบอร์ห้องแล้วก็จะพาแขกขึ้นห้อง
อาจขึ้นลิฟท์หรือขั้นบันไดก็แล้วแต่สถานที่
พอเข้าห้อง อย่าเพิ่งผลีผลามเพราะจะมีเด็กเสิรฟ์ตามมาติด ๆ
เพื่อสอบถามว่าต้องการดื่มอะไรหรือไม่ขั้นตอนนี้เป็นเรื่องของแขกต้องแสดงน้ำใจ ถามหมอนวนเสมอว่าน้องจะดื่มอะไรส่วนใหญ่ก็จะเป็น กาแฟเย็น ชาดำเย็น หรือน้ำมะนาว อะไร ๆ เทือกนี้ แต่แขกบางคนสั่งเบียร์ หรือกับแกล้มอื่น ๆ ก็ได้ ที่ต้องสังวรณ์ไว้เสมอคือเครื่องดื่มทุนชนิดจะมีราคาแพงกว่าปกติมาก
และจะต้องทิปให้เด็กเสิรฟ์ทุกครั้งเพราะเด็กพวกนี้ไม่มีเงินเดือน หรือถึงมีก๊น้อยมาก
เมื่อได้เครื่องดื่มหรือขณะรอเครื่องดื่มจะมีแม่บ้านหรือที่หมอนวดเรียกกันสั้น ๆ ว่า 'แม่'นำเอาอุปกรณ์อาบน้ำประจำตัวของหมอนวนคนนั้นมาให้ หมอนวดที่เก่ง ๆบางคนจะเริ่มจู่โจมแขกจากจุดนี้
การจู่โจมของหมอนวดที่มีประสบการณ์สูงส่วนใหญ่จะสังเกตจากปฏิกิริยาของแขกว่าจะมาไม้ไหน ส่วนใหญ่คือการกอด
การลูบไล้ร่างกายของแขก นั่งตัก การป้อนน้ำ การนอนบิดขี้เกียจ บนเตียงบางแห่งถือเป็นระเบียบว่าหมอนวดต้องทำหน้าที่ถอดถุงน่องรองเท้าให้กับแขกทุกราย
หรือบางคนใช้เทคนิคการถอดเสื้อผ้าถ้าอ่อนประสบการณ์หน่อยจะเป็นพวกที่รอให้แขกเป็นฝ่ายเริ่มรุก
คำถามยอดนิยมซึ่งใช้เปิดฉากการสนทนาคือ 'มาคนเดียวหรือคะ' หรือ
'มาบ่อยไหมคะ ทำไมไม่เคยเห็น'
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรียกว่าช่วงโหมโรงอย่าหักโหมเดี๋ยวจะจอดป้ายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ขั้นตอนต่อไปคือการอาบน้ำ กรรมวิธีก็แตกต่างกันไป
ส่วนใหญ่หมอนวดจะเป็นคนเปิดหรือผสมน้ำในอ่าง แต่บางแห่งเป็นหน้าที่ของ
'แม่บ้าน' หมอนวดเป็นผู้ปรับอุณหภูมิของน้ำให้ได้ตามความต้องการของแขก
อ่างน้ำมาตรฐานในห้องจะเป็นอ่างขนาดใหญ่ซึ่งสามารถอาบพร้อมกันได้สองคน บางแห่งที่คุณภาพดี ๆ จะมีห้องที่เรียกว่าเพนท์เฮาส์ หรือห้องชุด ประกอบด้วยห้องเล็ก 2-4 ห้อง ห้องกลางเป็นสถานที่รับประทานอาหารหรือเหล้ามีเด็กเสิร์ฟและบาร์เครื่องดื่มประจำห้องมีโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่แขกสามารถสั่งเพลงคาราโอเกะเพื่อร้องกับหมอนวดหรือจะให้หมอนวดร้องให้ฟังก็ได้ ถ้าไม่ชอบร้องเพลงจะดูรายการโทรทัศน์ หรือกดไปช่องวงจรปิดดูเด็กในตู้โดยจะดูภาพมุมกว้างเห็นทุกคนในตู้
หรือจะเลือกโหมดโคสอัพ ดูคนใดคนหนึ่ง ส่วนใดส่วนหนึ่งก็ได้
ส่วนกลางห้องจะเป็นอ่างจากุสซี่ขนาดใหญ่อาบพร้อม ๆ กันได้หลายคน นอกจากนี้ยังมีตู้อบซาวน่าไว้บริการด้วยการใช้บริการห้องแบบนี้เหมาะสำหรับพวกกระเป๋าหนัก หรือนักธุรกิจเชิญลูกค้าไป 'ปูเสื่อ' ต้องมีงบประมาณขั้นต่ำ 10,000 บาทขึ้นไปและต้องเรียกหมอนวดมาบริการอย่างน้อย 3 คนกลับมาเรื่องห้องธรรมดา เมื่อเปิดน้ำเรียบร้อย หมอนวดจะชวนแขกลงอ่าง หลังจากทั้งคู่ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด หากเป็นการอาบแบบ 'บีคอส' จะมีอุปกรณ์เพิ่มคือแพยาง บางแห่งจะมีที่คลุมผมแจกให้ด้วยเพื่อกันไม่ให้ผมเปียก การอาบแบบบีคอสหมอนวดจะใช้น้ำฝักบัวรดตัวแขกและตัวเองให้เปียกทั่วตัวเสียก่อนแล้วให้แขกนอนหงายลงบนแพยาง จากนั้นก็จะใช้สบู่เหลวละเลงจนเกิดฟอง แล้วจึงนอนทับลงไปบนตัวแขก ใช้อวัยวะสำคัญคือหน้าอก หน้าท้อง
และอวัยวะเพศของตัวเอง ลูบไล้ไปจนทั่วตัวแขก
แต่จะไม่ยอมให้ล่วงล้ำนอกจากแขกจะขวัญอ่อนน้ำแตกไปเสียก่อน
เมื่อละเลงด้านหน้าจนพอใจหรือเมื่อเห็นว่าแขกไม่เสร็จแน่ ๆ
ก็จะขอให้แขกนอนคว่ำและดำเนินการช้ำด้านหลังอีกรอบ จากนั้นจึงขอให้แขกลงแช่ในอ่างแล้วหมอนวดก็จะตามลงไปโดยจะนั่งลงระหว่างขาทั้งสองข้างของแขกในลักษณะนั่งคุกเข่าแล้วช้อนก้นของแขกขึ้นวางไว้บนตักของตัวหมอเอง ลักษณะนี้ จะทำให้แขกอยู่ในสภาพการนอนแอ่นและจะสร้างความตื่นตัวทางเพศให้กับพวกไก่อ่อนได้ไม่น้อย หมอนวดจะเริ่มขั้นตอนด้วยการขัดขี้ไคล โดยใช้มือขัดไปตามแขนทั้งสองข้างและหน้าอกของแขก จากนั้นก็จะลงสบู่แขนทั้งสองข้าง หน้าอกและหน้าท้องและขาทั้งสองข้างในที่สุด
ถึงตอนนี้หมอนวดจะเริ่มปล่อยน้ำออกจากอ่างให้น้ำลดระดับลงเพื่อเริ่มขั้นตอนการทำความสะอาดอวัยวะเพศของแขกการทำความสะอาดอวัยวะเพศนี้เป็นเทคนิคเฉพาะตัว บางคนที่เก่ง ๆ จะแถมการบีบกษัยให้กับแขกด้วย แขกหลายคนที่สามารถผ่านด่านอรหันต์มาตกม้าตายเอาด่านนี้ก็มีเยอะจากนั้นหมอนวดก็จะขอให้แขกลุกขึ้นนั่งหันหลังเพื่อขัดขี้ไคลและฟอกสบู่ด้านหลังส่วนใหญ่จะถามแขกว่าจะสระผมหรือไม่ด้วย ฟอกหลังเสร็จก็จะให้แขกยืนขึ้นเพื่อขัดขี้ไคลขาด้านหลัง ก้นและล้างสบู่ให้จนหมดจด ถึงตอนนี้หมอจะถามแขกว่า 'ฉี่ไหมคะ'ถ้าจะปวดก็ฉี่ลงอ่างไปเลยหมอนวดจะทำความสะอาดให้อีกครั้งเมื่อฉี่เสร็จแถมด้วยการรินน้ำยาบ้วนปากให้แขกบ้วนปากเป็นเสร็จพิธี พาแขกขึ้นจากอ่างได้
หมอนวดจะเป็นผู้เช็ดตัวให้กับแขกหรือถ้าแขกจะเช็ดเองก็ไม่ขัดข้อง สถานอาบอบนวดที่ได้มาตรฐานจะจัดผ้าเช็ดตัวสะอาดไว้ในให้อย่างน้อย 5-6 ผืน จากนั้นก็จะพาแขกไปนอนบนเตียง
หรือแขกจะเลือกสูบบุหรี่หรือดื่มเบียร์รอขณะที่หมอนวดกับไปอาบน้ำให้ตัวเองเพื่อความสดชื่นและให้แน่ใจว่าตัวเองสะอาดหมดจดก่อนที่จะให้บริการขั้นต่อไปเมื่ออาบน้ำล้างคราบไคลให้กับตัวเองจนหมดจดแล้ว หมอนวนจะหรี่ไฟ หรีโทรทัศน์หรือปิดเสียง)บางคนที่ขึ้อายหน่อยอาจหรี่ไฟตั้งแต่ก่อนลงอ่างแล้วก็มี จากนั้นก็จะชวนแขกขึ้นเตียง กรณีที่แขกนั่ง ลืมอธิบายไปหน่อยเรื่องห้อง
ห้องธรรมดาส่วนใหญ่จะประกอบด้วยส่วนเปียกและส่วนแห้ง เป็นห้องที่มิดชิด บางแห่งอาจเจาะรูไว้เพื่อให้แม่บ้านประจำชั้นแอบดูความประพฤติของผู้ใช้ห้องด้วยก็ได้ส่วนเปียกจะมีอ่างอาบน้ำและบริเวณหน้าอ่างสำหรับกิจกรรมบีคอสส่วนแห้งจะปูพรมทั้งหมดและเป็นห้องปรับอากาศเครื่องแต่งห้องอย่างน้อยจะมีเก้าอี้หรือโซฟา สองตัวกับโต๊ะกาแฟสุดท้ายคือเตียงที่ส่วนใหญ่จะเป็นขนาดคิงไซส์พร้อมหมอนสองใบเตียงนี้มีหลายรูปแบบ ทั้งเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา หรือเป็นทรงกลมก็มี ส่วนประกอบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งซึ่งจะขาดเสียมิได้คือระจกบนฝ้าเพดานซึ่งสะท้อนภาพบนเตียงอย่างชัดเจนที่เคยได้ยินมาแต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันคือบางแห่งจะมีบริการพิเศษสำหรับแขกที่ชอบดูโดยจะจัดเป็นห้องเฉพาะในชั้นถัดไปที่จะมีช่องสามารถมองผ่านกระจกด้านเดียวที่อยู่บนฝ้าของห้องชั้นล่างได้ด้วย เมื่อขึ้นเตียงแล้วถ้าแขกไม่เริ่มบุกหมอนวดจะเป็นฝ่ายบุก อาจเริ่มจากการค่อย ๆ
บีบนวดแข้งขาให้กับแขก หลังจากนั้นก็เริ่มกระบวนการลูบไล้ ดูดนม ดูดจู๋
จนแขกเริ่มมีอารมณ์เต็มที่จะใส่ปลอกให้กับแขกอย่างนุ่มนวล
แล้วจึงเริ่มกระบวนการร่วมเพศ ถ้าสังเกตให้ดี
หมอนวดส่วนใหญ่จะพยายามทำให้กับแขกโดยหมออยู่ข้างบน เหตุเพราะด้วยท่านี้

ตัวหมอนวดเองสามารถควบคุมจังหวะ ความเร็วและความแรงได้
อีกประการหนึ่งคือสามารถทำให้แขกเสร็จเร็ว และ

>>ทำให้มือแขกไม่สามารถจับนมหมอได้สะดวก
หมอนวนส่วนใหญ่จะหวงนมเนื่องจากกลัวเสียทรงจะยอมให้จับหรือดูดบ้างพอเป็นพิธี
ที่หวังจะไปบี้ไปขย้ำคงยาก
อย่าลืมว่านวดที่ฝีมือดี ๆ ในช่วงเศรษฐกิจดี ๆ จะทำงานโดยเฉลี่ยวันละ 3-4 รอบ
ในช่วง 14.00 น. - 24.00 น. ของแต่ละวัน เดือนหนึ่งจะหยุดได้ประมาณ 6
วันเพื่อพักฟื้นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่มีรอบเดือน
หมายถึงหมอนวดพวกนี้ต้องผสมพันธ์กับแขกโดยเฉลี่ย 70 ครั้งต่อเดือน ซึ่งเท่ากันอัตราเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ของคนไทยต่อ 1 ปี ดังนั้น จึงต้องระวังรักษารูปร่างของตนตามสมควร
เพื่อให้อายุใช้งานและหาเงินยืนยาวก่อนที่จะโดนลดชั้นไปในที่สุด
กระบวนการทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นจะใช้เวลาเฉลี่ยไม่เกิน 1ชั่วโมงครึ่ง เมื่อเสร็จกิจแล้วจะมีเวลาให้แขกนอนอ้อยอิ่งได้อีกพักใหญ่ ๆ
ให้สังเกตได้จากหมอนวด
หากเห็นหมอนวดเริ่มแต่งหน้าทาคิ้วแสดงว่าใกล้หมดเวลาแล้ว
ลุกไปล้างเนื้อล้างตัวและแต่งตัวได้ ข้อควรระวังในที่นี้คืออย่าเผลอหลับ
ถ้าเจอหมดนวดมีคุณธรรมปลุกก็ดีไปแต่ถ้าหมอไม่ปลุกโดยอ้างว่ากลัวว่าจะรบกวนแล้วละก็คุณอาจต้องจากดับเบิ้ลหรือ ทริปเปิ้ล ก็ได้ เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยหากจะทิปหมอนวดให้ทิปในช่วงนี้
อัตราทิปโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 100-500 ร้อยขึ้นอยู่กับสถานที่และบริการ
ถามว่าจำเป็นต้องทิปหรือไม่ ตอบว่าไม่จำเป็นถ้าไม่กลัวถูกด่าลับหลังบางแห่งหมอนวดอาจต้องทิปแม่บ้านด้วยประมาณ 50-100 บาท
ถ้าแขกใจดีจะออกให้ก็ไม่ขัดข้อง
ค่าชั่วโมงนั้นหมอนวดจะพาแขกไปจ่ายที่เค้าเตอร์ที่รับเบอร์ห้องครั้งแรกนั่นแหล่ะเมื่อจ่ายเงินเสร็จก็กลับบ้านได้

เล้าจน์ คือ อะไร

เล้าจน์ ที่มีอยู่ในตอนนี้ ถ้าจะแบ่งงบประมาณ3ประเภท

1. เล้าจน์เต้น

2. เล้าจน์ออฟ

3. เล้าจน์&คาราโอเกะ

ทีนี้เราจะมาเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของเล้าจน์แต่ละประเภทกัน

เล้าจน์เต้น
จะเป็นประเภทที่ มีทั้งเด็กนั่งดริ๊งค์และเด็กที่เต้น
ส่วนใหญ่ จะเน้นเด็กเต้น ที่หน้าตาดี หุ่นดี บุคคลิกดี
แต่เด็กที่เต้น Show นั้น เราจะไม่สามารถเรียกมานั่งคุยเป็นการส่วนตัวได้
แต่อาจจะสามารถเลี้ยงดื่มน้องๆ และพูดคุยได้ด้วยนิดหน่อย
หากเราต้องการน้องๆมานั่งด้วย ทางร้านจะมีเด็กนั่งดริ๊งค์ต่างหาก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเด็กเต้น
โดยปกติเด็กเต้นจะหน้าตาดีกว่าเด็กนั่งดริ๊งค์แต่จะจีบได้ยากกว่าเช่นกัน

เล้าจน์ออฟ
พวกนี้จะเป็นเล้าจน์เกรดล่างหน่อย
บางทีก็จะเรียกว่าเป็น บาร์ แทนซะมากกว่า

ส่วนใหญ่ค่าออฟน้องก็จะมี 2 ราคา
คือ ชั่วคราว หรือค้างคืน
ราคาค่าออฟ ส่วนใหญ่ก็จะตั้งอยู่ที่ 1,000-3,000 บาท แล้วแต่สถานที่
อันนี้ก็จะเป็นการเข้าใจกันชัดเจนเลยว่า เป็นการซื้อชม. น้องๆ เพื่อออกไปปฏิบัติกิจส่วนตัว
แต่บางที่อาจจะมีบริการพิเศษให้ตั้งแต่ในร้านเลย
อันนี้ก็อาจจะต้องไปเสาะแสวงกันเอาเอง้

เล้าจน์&คาราโอเกะ
จริงๆแล้ว เล้าจน์แนวนี้ก็ยังสามารถจำแนกย่อยออกได้อีกหลายกรณี
แต่โดยรวมแล้ว ก็คือจะมีอยู่ประมาณ 3 ส่วน
ส่วนแรกคือนั่งฟังเพลง โดยมี DJ เปิดเพลง สลับกับมีวงเล่น
ส่วนที่ 2 เป็นแบบ คาราโอเกะรวม มีทีวีจอยักษ์ให้ท่านๆ ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน Show พลังเสียงกัน
แล้วอีกอย่างนึง ก็คือส่วนที่เป็นห้องคาราโอเกะส่วนตัวเลย

เล้าจน์แนวนี้ ก็จะเน้นการนั่งพูดคุย ร้องเพลงไปกับน้องๆ
ด้วยบรรยากาศแบบเป้นกันเอง
ง่ายๆว่า ผู้ที่ชอบนั่งกับสาวๆสวยๆน่ารัก โดนไม่ต้องเสียเวลาจีบ ก็เหมาะกับการเที่ยวแบบนี้มากครับ

ส่วนเรื่องราคาจะแบ่งได้ประมาณ2เกรด โดยประมาณ คือ เล้าจน์ไฮโซและโลโซ

เล้าจน์ไฮโ จะเป็นพวกที่ค่าใช้จ่ายต่อครั้งแพง
ค่าดื่มน้องๆ จะตกอยู่ที่ ดื่มละ 200 บาทขึ้นไป ต่อ 40 นาที
ค่าเปิดเหล้า 1 ขวด ก็ 2,000 บาท Up

เล้าจน์พวกนี้จะเน้นลูกค้าที่มีระดับ และลูกค้า member เป็นหลัก
การไปเที่ยวโดยทั่วไป ถ้าไม่ใช่ member เปิดเหล้าและเรียกเด็กมานั่งด้วยด้วย
ค่าใช้จ่ายก็น่าจะสูงเกิน 5,000 บาท ต่อครั้งเลยทีเดียว

เล้าจน์เกรดนี้นั้น น้องๆส่วนมากมักจะยังศึกษาอยู่
หน้าตาดี พูดจาดี เรียกว่า ถ้าไปเจอตามที่เที่ยวทั่วไป ก็ไม่รู้เลยว่าเค้าจะทำงานแนวนี้
การไปเที่ยวนั้น จะกอดบ้าง ถูกตัวบ้าง ก็ถือว่าเป้นเรื่องปกติของที่เที่ยวแบบนี้
แต่ถ้าจะมีอะไรมากกว่านั้น ก็คงต้องอาศัยลูกตื้อ คือไปเที่ยวบ่อยๆ
และหาโอกาส นอกรอบบ้าง
คือชวนไปกินข้าว ดูหนัง ในเวลาอื่นที่ไม่ใช่เวลางานบ้าง
ความหวังที่จะปักธงบนเนินหญ้าคงไม่ใช่เรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรง
แต่…. โอกาสที่จะสำเร็จนั้น เท่าที่วัดมา มีไม่เกิน 20%
คือสมมติว่า เพื่อนๆจีบเด็กซัก 10 คน อาจจะได้ซัก 2 คน หรือแห้วหมดเลยก็เป็นได้
สำหรับบางคนที่อ่านถึงตรงนี้ แล้วแย้งขึ้นมาว่าไม่จริง คุณสามารถมีอะไรได้มากกว่าเปอร์เซ็นต์ที่ผมบอกไว้
ก็คงต้องขอชมแหละครับ ว่าคุณเป็นยอดเซียน ที่หาได้น้อยนัก

บางคนอาจจะสงสัยว่าแล้วที่บอกว่าซื้อดื่มน้องออกไปได้นั้น
ไม่ใช่การออฟเหรอ
ต้องบอกแบบนี้ครับ ว่าเล้าจน์เกรดนี้ การซื้อดื่มน้อง
หมายถึงการจ่ายเงินเพื่อพาน้องเค้าออกไปเที่ยวครับ
คือออกไปเที่ยวจริงๆ ไม่ใช่ออกไปปฏิบัติกิจอะไรกัน

และการซื้อดื่ม ส่วนใหญ่ ก็จะคิด 10-15 ดื่ม ในวันปกติ
และ 15-20 ดื่ม ในวันหยุด หรือคืนวันศุกร์ เสาร์
ทั้งนี้ จำนวนดื่ม และราคา ก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ร้าน
แต่ส่วนใหญ่ ร้านแนวนี้ จะมีราคาดื่ม สำหรับลูกค้าที่ไม่ใช่ Member อยู่ที่ 300 บาท/ดื่ม
ถ้าอยากจะพาน้องๆออกไปเที่ยว ก็ลองคูณกันเอาเองแล้วกันครับ ว่าต้องจ่ายเงินเท่าไหร่

เล้าจน์อีกแบบนึง คือแนว โลโซ
พวกนี้นั้น ส่วนใหญ่จะเน้นให้แขก ออฟ เด็กออกไปข้างนอกเลย
คือให้เบ็ดเสร็จไปเลย
แต่ถ้าใครที่ไม่อยากจะออฟ ชอบนั่งไปเรื่อยๆ
เล้าจน์แนวนี้ ก็จะทำให้ท่านเพลิดเพลินเหมือนอยู่ในโรงหนังกับแฟนที่จีบกันใหม่ๆเลยทีเดียว
เพราะท่านจะสามารถ ทำการล้วงลูกได้เรื่อยๆ ทั้งลูกเล็กลูกใหญ่ ลูกบนลูกล่าง
แต่สุดท้าย ล้วงไปล้วงมา ท่านๆมักจะทนไม่ไหว
ต้องออฟน้องออกไปอยู่ดี

ค่าใช้จ่าย ของเล้าจน์เกรดนี้ก็จะถูกหน่อย
เหล้าก็จะมีให้เลือกหลากหลายกว่า
ตั้งแต่ไม่กี่ร้อย ไปจนเป็นพัน
ค่าดื่มน้องๆ มักจะน้อยกว่า 200 บาท ต่อดื่ม
แต่อาจจะมีเงื่อนไขตรงที่ ครั้งแรกต้อง Run 2 ดื่ม